คาปูชิโน Cappuccino เมนูกาแฟที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหวานมันพร้อมโฟมนมที่อุ่นนุ่ม และเจ้าคาปูนี้ยังถือเป็นบททดสอบปราบเซียนสำหรับผู้ที่อยากเป็นบาริสต้าอีกด้วย ด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นกาแฟสไตล์โรแมนติก รู้สึกผ่อนคลาย แต่หลายคนคงไม่รู้ว่าต้นกำเนิดของเมนูกาแฟนี้เกิดมาจากความร้อนแรง เรื่องราวเป็นมาอย่างไรนั้น วันนี้(ชื่อเว็บ) จะมาขอรับบทเล่าสู่กันฟังให้เพื่อน ๆ เองค่ะ
ที่มาของชื่อ “คาปูชิโน่” มาจากนักบวชคาทอลิค
อยู่ดี ๆ ก็เกริ่นหัวข้อมาแบบนี้ คงทำให้หลายคนเริ่มสับสนและงงงวยกันไปใหญ่ ไหนว่ากาแฟโฟมนมนี้เกิดขึ้นเพราะไฟไหม้ ? แล้วเดิมทีต้นตำรับกาแฟอยู่ที่อิตาลี เกี่ยวอะไรกับนักบวช ? กว่าจะเป็นเจ้าคาปูเมนูโปรดของใครหลายคนนี้ เรื่องราวมันช่างอลเวง เอาล่ะค่ะ เรามาเริ่มต้นย้อนอดีตไปพร้อม ๆ กันเลย
จริงอยู่ที่ว่ากาแฟถือกำเนิดในอิตาลี แต่กาแฟ Cappuccino ได้เริ่มต้นขึ้นที่สวิตเซอร์แลนด์ จากตำนานเล่าขานสืบมากล่าวว่า สมัยในช่วงศตวรรษที่ 15-16 คณะนักบวชคาปูชินจากอารมคาปูชิน เมืองลูกาโน สวิตเซอร์แลนด์นั้นรุ่งเรืองเฟื่องฟูมาก และในปี 1562 นักบวชคาปูชินได้ทำข้อตกลงกับสุลต่านสุไลมานที่ 1 แห่งจักรวรรดิออตโตมัน ว่าให้ส่งกาแฟมายังเมืองลูกาโน
กาแฟที่อาณาจักรออตโตมันนั้นมีมากมาย ซึ่งนำเข้ามาจากชาวซีเรียอีกทอดหนึ่ง เพื่อใช้กันในหมู่ลัทธิซูฟี เป็นลัทธิรหัสนัยที่อาศัยอยู่ในตะวันออกหลางของจักรวรรดิออตโตมัน บวกกับในสมัยนั้นมีผู้คนนิยมดื่มกาแฟกันแทบทุกคน เรียกได้ว่าเป็นไลฟ์สไตล์ของคนในเมืองนั้นเลยก็ว่าได้ อีกทั้งลัทธินี้ยังมีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับกาแฟอีกมากมาย
ในตำนานเล่ามาว่านักบวชคาปูชินนั้น มีชื่อเลื่องลือในการทำไวน์ ชีสอาหารต่าง ๆ และยังมีความเป็นเลิศของเรื่องรสชาติและคุณภาพ โดยเฉพาะบูลชีสของอารามคาปูชินนั้นจัดได้ว่าเป็นที่สุดของความพรีเมี่ยม ด้วยความที่พรั่งพร้อมไปด้วยอาหารที่บริบูรณ์ จึงไม่แปลกใจเลยว่านักบวชคาทอลิคอารามนี้อยากจะสั่งกาแฟมาลิ้มลองพร้อมกักตุนไว้ทานยาวนานเป็นเดือน

ค.ศ. 1563 ปีเกิดของเจ้ากาแฟโฟมนม
แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจนได้ ในปี 1563 ด้วยความที่ว่าอารามมีการเก็บเสบียงเอาไว้มากมาย โดยเฉพาะน้ำนมเป็นจำนวนมากเพื่อที่จะทำบูลชีส คืนนั้นได้เกิดเหตุไฟไหม้อารามขึ้นมา เมื่อไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว นักบวชคาทอลิคจึงต้องนำนมมาดับไฟ เมื่อไฟไหม้ไปถึงคลังเก็บเมล็ดกาแฟ แล้วนมที่ราดไปดันเกิดร้อนแล้วกลายเป็นฟองขึ้นมา พร้อมกลิ่นหอมที่ทำให้นักบวชลืมไปว่าไฟกำลังไหม้อยู่ไปชั่วขณะ จากภาพโฟมนมที่ฟูขึ้นในกองไฟ จึงทำให้เกิดไอเดียนำกาแฟใส่โฟมนม มาจนถึงทุกวันนี้
ซึ่งบางตำนานก็กล่าวว่ากาแฟคาปูนั้นมีตำนานมาจากเครื่องแต่งกายของนักบวช เพราะด้วยชื่อ “คาปูชิโน่” นั้น มาจากคำว่า คาปุดชิโอ (Cappuccio) มีความหมายว่าหมวกยอดแหลม ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายของนักบวชคาปูชินในสมัยนั้น ที่สวมชุดสีน้ำตาลเข้มเหมือนกาแฟแล้วใส่หมวกสีขาว ขึ้นอยู่กับเพื่อน ๆ แล้วล่ะค่ะ ว่าจะเชื่อแบบไหน เสริมกันอีกนิดนะคะ คำว่า “Cappuccino” เพิ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการในภาษาอังกฤษ เมื่อปี 1948 นี้เองค่ะ
ความพิเศษของเจ้าคาปูนี้ยังมีอีกนะคะ ด้วยเรื่องราวที่เริ่มต้นมาจากนักบวชคาทอลิค เครื่องดื่มชนิดนี้จึงมักจะถูกเรียกว่าเป็นเครื่องดื่มของพระเจ้า อาจจะเพราะเป็นเครื่องดื่มที่บาทหลวงโปรดปราณ และเครื่องแต่งกายที่ดูคล้ายคลึงกันเหลือเกิน ทางเรามีตัวอย่างสักเล็กน้อยสำหรับชุดแม่ชีของคาทอลิคที่ใกล้เคียงกับชุดบาทหลวงสมัยนั้นมาให้ดู กดลิงก์นี้ได้เลยค่ะ
เอกลักษณ์ของกาแฟ “Cappuccino”
ใครที่อยากเป็นคอกาแฟตัวยง และเลือกให้คาปูชิโน่เป็นกาแฟโปรดในใจแล้วล่ะก็ จะต้องรู้ว่าน้องคาปูมีวัฒนธรรมการดื่มอย่างไร หลายคนที่ดื่ม Cappuccino จะไม่ค่อยได้ใส่ใจอะไรมากนัก และไม่รู้ว่าการรังสรรค์โฟมนมบนแก้วนั้นมีความหมายอะไรอื่นแฝงอยู่ เพียงแค่คิดว่าเมื่อเสิร์ฟมาแล้วก็ค้นฟองนมผสมกับกาแฟแล้วยกดื่มไปเลย แบบนี้ก็เท่ากับว่าการตีโฟมนมนั้นเปล่าประโยชน์ ถ้าเป็นแบบนั้นสู้สั่งกาแฟผสมนมมาดื่มตั้งแต่แรกเลยดีกว่า

การดื่มกาแฟคาปูชิโน่ที่ถูกหลักอย่างแท้จริงคือ การจิบฟองนมไปพร้อมกับส่วนของกาแฟ เพราะนั่นจะทำให้ได้สัมผัสถึงรสชาติของกาแฟที่อร่อยอย่างมีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร ความลงตัวที่ยังไม่กลืนเป็นเนื้อเดียวกันนี้ช่างวิเศษ ทำให้เข้าใจได้เลยทันทีว่าทำไมถึงถูกเรียกว่าเป็นเครื่องดื่มของพระเจ้า
“โฟมนม” คือหัวใจหลักของกาแฟ Cappuccino (คาปูชิโน) กาแฟแก้วนี้จะสมบูรณ์แบบได้ ฟองนมจะต้องมีความเนียนละเอียดจนแทบจะมองไม่เห็นฟองอากาศได้ และไม่ใช่ทุกนมที่สามารถตีขึ้นให้เป็นฟองได้ การทำกาแฟแก้วนี้ จึงเรียกได้ว่าเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ที่ต้องใส่ใจ สังเกต และรักษาอุณหภูมิของนมไว้อย่างเหมาะสมทุกครั้ง
หวังว่าเรื่องราวของ Cappuccino (คาปูชิโน) จะถูกใจเพื่อน ๆ และพลอยทำให้ตกหลุมรักเจ้าคาปูนี้กันมากขึ้นนะคะ สำหรับบทต่อไป เราจะนำเรื่องราวของกาแฟมาฝากกันอีกค่ะ รอลุ้นกันได้เลยว่าจะเป็นกาแฟอะไร รับรองว่าสนุกแน่นอน
แหล่งที่มาของภาพ :
https://htgetrid.com/assets/uploads/
บทความที่อาจสนใจ 5 ร้านกาแฟแนะนำในกรุงเทพ 2021 ชอบทานจริงต้องไม่พลาดเช็คอิน